ตัวอย่างการรายงานแบบข้อตกลงในการพัฒนางาน PA1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ปฐมวัย

 





💓💓บทความนี้ วิทยฐานะแลกเปลี่ยนเรียนรู้💓💓

 



 เครดิต : คุณครูบังอร   ด่านกำจัด


เป็นไฟล์ Word   แก้ไขได้   
 

สรุปรายละเอียด ได้ดังนี้ ครับ

แบบข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA)

สำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ

โรงเรียนอนุบาลปราจีนบุรี  สำนักงานพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปราจีนบุรี เขต 1

ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565

ระหว่างวันที่ 1 เดือนตุลาคม พ.ศ. 2564 ถึงวันที่ 30 เดือนกันยายน พ.ศ. 2565

ผู้จัดทำข้อตกลง

ชื่อ  นางสาวบังอร   นามสกุล ด่านกำจัด  ตำแหน่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ

สถานศึกษา  โรงเรียนอนุบาลปราจีนบุรี   

สังกัด  สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปราจีนบุรี เขต 1

รับเงินเดือนในอันดับ คศ. 3   อัตราเงินเดือน 41,710   บาท

          ประเภทห้องเรียนที่จัดการเรียนรู้ (สามารถระบุได้มากกว่า 1 ประเภทห้องเรียน ตามสภาพการจัดการเรียนรู้จริง)

         ☐ ห้องเรียนวิชาสามัญหรือวิชาพื้นฐาน

        ✅ ห้องเรียนปฐมวัย

          ห้องเรียนการศึกษาพิเศษ

          ห้องเรียนสายวิชาชีพ

          ห้องเรียนการศึกษานอกระบบ / ตามอัธยาศัย

          ข้าพเจ้าขอแสดงเจตจำนงในการจัดทำข้อตกลงในการพัฒนางาน ตำแหน่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ดำรงอยู่ในปัจจุบันกับผู้อำนวยการสถานศึกษา ไว้ดังต่อไปนี้

          ส่วนที่ 1 ข้อตกลงในการพัฒนางานตามมาตรฐานตำแหน่ง

1. ภาระงาน จะมีภาระงานเป็นไปตามที่ ก.ค.ศ. กำหนด

ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564

                    1.1 ชั่วโมงสอนตามตารางสอน รวมจำนวน 12 ชั่วโมง  30  นาที/สัปดาห์ดังนี้

                               - กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ   จำนวน 5 ชั่วโมง/สัปดาห์

                               - กิจกรรมสร้างสรรค์                 จำนวน 1 ชั่วโมง  30  นาที/สัปดาห์

                               - กิจกรรมเสรี/เล่นตามมุม           จำนวน 1 ชั่วโมง  30  นาที/สัปดาห์

                               - กิจกรรมเสริมประสบการณ์       จำนวน 1 ชั่วโมง  30  นาที/สัปดาห์

                               - กิจกรรมกลางแจ้ง                  จำนวน 1 ชั่วโมง  30  นาที/สัปดาห์

                               - กิจกรรมเกมการศึกษา             จำนวน 1 ชั่วโมง  30  นาที/สัปดาห์

                    1.2 งานส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์

                               - กิจกรรมโฮมรูมและตรวจสุขภาพนักเรียน     จำนวน 1  ชั่วโมง/สัปดาห์

      - การมีส่วนร่วมในชุมชนแห่งการเรียนรู้     จำนวน  1 ชั่วโมง/สัปดาห์      

1.3 งานพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษา จำนวน 1  ชั่วโมง/สัปดาห์

       - งานพัสดุประจำสายชั้น              จำนวน  1 ชั่วโมง/สัปดาห์

                    1.4 งานตอบสนองนโยบายและจุดเน้น จำนวน 18  ชั่วโมง/ภาคเรียน

                               - กิจกรรมกีฬาสีระดับปฐมวัย                   จำนวน 6 ชั่วโมง

                               - โครงการทักษะชีวิตและสังคมเด็กปฐมวัย      จำนวน 6 ชั่วโมง

                               - โครงการส่งเสริมทักษะวิชาการปฐมวัย        จำนวน 6 ชั่วโมง

หมายเหตุ

          1. รูปแบบการจัดทำข้อตกลงในการพัฒนางาน.ตามแบบ.PA.1.ให้เป็นไปตามบริบทและสภาพการจัดการเรียนรู้ของแต่ละสถานศึกษา โดยความเห็นชอบร่วมกันระหว่างผู้อำนวยการสถานศึกษาและข้าราชการครูผู้จัดทำข้อตกลง

          2. งาน (Tasks) ที่เสนอเป็นข้อตกลงในการพัฒนางาน ต้องเป็นงานในหน้าที่ความรับผิดชอบหลักที่ส่งผลโดยตรงต่อผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน และให้นำเสนอรายวิชาหลักที่ทำการสอน โดยเสนอในภาพรวมของรายวิชาหลักที่ทำการสอนทุกระดับชั้น ในกรณีที่สอนหลายรายวิชา สามารถเลือกรายวิชาใดวิชาหนึ่งได้ โดยจะต้องแสดงให้เห็นถึงการปฏิบัติงานตามมาตรฐานตำแหน่ง และคณะกรรมการประเมินผลการพัฒนางานตามข้อตกลงสามารถประเมินได้ตามแบบการประเมิน PA 2

          3. การพัฒนางานตามข้อตกลง ตามแบบ PA 1 ให้ความสำคัญกับผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน (Outcomes)และตัวชี้วัด (Indicators) ที่เป็นรูปธรรม และการประเมินของคณะกรรมการประเมินผลการพัฒนางานตามข้อตกลง ให้คณะกรรมการดำเนินการประเมิน ตามแบบ PA 2 จากการปฏิบัติงานจริงสภาพการจัดการเรียนรู้ในบริบทของแต่ละสถานศึกษา และผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียนที่เกิดจากการพัฒนางานตามข้อตกลงเป็นสำคัญ โดยไม่เน้นการประเมินจากเอกสาร

     ส่วนที่ 2 ข้อตกลงในการพัฒนางานที่เป็นประเด็นท้าทายในการพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน

            ประเด็นที่ท้าทายในการพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียนของผู้จัดทำข้อตกลง ซึ่งปัจจุบัน

ดำรงตำแหน่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ ต้องแสดงให้เห็นถึงระดับการปฏิบัติที่คาดหวังของวิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ คือ การริเริ่ม พัฒนา การจัดการเรียนรู้และการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นหรือมีการพัฒนามากขึ้น (ทั้งนี้ ประเด็นท้าทายอาจจะแสดงให้เห็นถึงระดับการปฏิบัติที่คาดหวังในวิทยฐานะที่สูงกว่าได้)

          ประเด็นท้าทาย เรื่อง “การจัดประสบการณ์การเรียนรู้รูปแบบ A2C โดยใช้สถานการณ์เป็นฐานประกอบสื่อที่หลากหลายเพื่อส่งเสริมทักษะทางสมอง Executive Function (EF) ระดับชั้นอนุบาลปีที่ 1 โรงเรียนอนุบาลปราจีนบุรี”เป็นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวทาง active learning เน้นให้นักเรียนเรียนรู้โดยการปฏิบัติจริงจากสถานการณ์ที่กำหนดขึ้นในแต่ละหน่วยการเรียนรู้ประกอบกับการใช้สื่อที่หลากหลาย เน้นสื่อหาง่าย ใกล้ตัวโดยการมีส่วนร่วมชองผู้ปกครองที่บ้านเพื่อให้นักเรียนเกิดทักษะทางสมองอันส่งผลต่อพัฒนาการทั้ง 4 ด้านของเด็กปฐมวัย

   1. สภาพปัญหาการจัดการเรียนรู้และคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน

เนื่องด้วยผู้จัดทำข้อตกลงได้รับผิดชอบการจัดการเรียนการสอนในระดับชั้นอนุบาลปีที่ 1 ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของทักษะการทำงานทางสมองด้านการบริหารจัดการ (Executive Function: EF) เพราะเป็นกระบวนการทำงานของสมองในหลายๆ ส่วนเชื่อมโยงกันในการจัดกระบวนการทางการรู้คิดเกี่ยวของกับการทำงานของสมอง เป็นการทำงานของสมองส่วนหน้าและการทำงานประสานกันของสมองในส่วนต่าง ๆ เป็นบริเวณของสมองที่ทำหน้าที่สำคัญที่สุดซึ่งเกี่ยวข้องกับกระบวนการคิด ความรู้สึกการกระทำต่าง ๆ เช่น การคิดไตร่ตรองการมีความจำที่ดีการคิดยืดหยุ่น การวางแผน มีเป้าหมาย มีความมุ่งมั่นที่จะทำให้สำเร็จอดทนและรู้จักแก้ปัญหาความสามารถในการควบคุมความคิดตนเองการมีสมาธิ ความสามารถในการปรับเปลี่ยนความคิดและความสนใจตามสถานการณ์รวมถึงการทำงานที่ซับซ้อนจนสำเร็จซึ่งกระบวนการนี้สามรถพัฒนาได้ผ่านกิจกรรมที่ต้องใช้ทักษะด้านสังคม  อารมณ์และร่างกายเพื่อช่วยส่งเสริมหน้าที่บริหารจัดการของสมองให้ดีขึ้น

ฉะนั้นเด็กปฐมวัยเป็นวัยที่มีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะในช่วงปฐมวัยเป็นช่วง สำคัญของการสร้างรากฐานของชีวิต การอบรม เลี้ยงดูในระยะต้นของชีวิตควรมีพื้นฐาน ในการ ให้ความรักและความอบอุ่นเป็นสำคัญและเมื่อเด็กโตขึ้นเขาจำเป็นที่จะต้องได้รับสิ่งแวดล้อมที่จะสร้างเสริมพัฒนาการของเขาให้กว้างขวางออกไปซึ่งสภาพที่แวดล้อมเด็กและทัศนคติของพ่อแม่ จะเข้ามามีอิทธิพลต่อเด็กโดยเฉพาะแบบแผนของครอบครัวและวิธีการอบรมเลี้ยงดูรวมทั้ง พฤติกรรมที่พ่อแม่ปฏิบัติต่อเด็กมีส่วนเกี่ยวข้อง กับพัฒนาการของเด็กโดยตรงทั้งสิ้นและมีงานวิจัยว่า เด็กในช่วงวัย 3-6 ปี จะเป็นช่วงเวลาทองของชีวิตในการพัฒนาทักษะ EF ให้กับเด็ก เพราะสมองจะมีการพัฒนาทักษะการทำงานทางสมองด้านการบริหารจัดการ (Executive Function: EF)ได้ดี ที่สุด หากพ้นจากช่วงเวลานี้ไปถึงวัยเรียน วัยรุ่น หรือ วัยผู้ใหญ่ตอนต้น แม้จะยังพัฒนาได้ แต่ก็จะไม่ได้ดีเท่ากับช่วงปฐมวัย เมื่อเด็กได้รับโอกาสพัฒนาทักษะการทำงานทางสมองด้านการบริหารจัดการ (Executive Function: EF) เด็กจะได้รับการพัฒนาตามกลุ่มทักษะดังนี้

กลุ่มทักษะพื้นฐาน

 1. Working memory = ความจำที่นำมาใช้งาน หรือ ความสามารถในการเก็บประมวล และดึงข้อมูลที่เก็บในคลังสมองออกมาใช้ตามสถานการณ์ที่ต้องการ

2. Inhibitory Control = ความสามารถในการยั้งคิดไตร่ตรองควบคุมแรงอยาก หยุดคิดก่อนที่จะทำหรือพูด

3. Shiftingหรือ Cognitive Flexibility = ความสามารถในการยืดหยุ่น พลิกแพลง ปรับตัว เป็นจุดตั้งต้นของการคิดนอกกรอบ คิดสร้างสรรค์

กลุ่มทักษะกำกับตนเอง

4. Focus Attention = ความสามารถในการใส่ใจจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาหนึ่งๆ โดยไม่วอกแวก

5. Emotional Control = ความสามารถในการควบคุมอารมณ์ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม จัดการกับอารมณ์ไม่ให้รบกวนผู้อื่น ไม่โกรธเกรี้ยวฉุนเฉียว ขี้หงุดหงิดง่าย จัดการกับความเครียดความเหงาได้ มีอารมณ์มั่นคง และแสดงออกแบบที่ไม่รบกวนผู้อื่น 

6. Self-Monitoring = คือ การประเมินตนเองรวมถึงสะท้อนผลการทำงาน เพื่อหาจุดบกพร่อง แล้วแก้ไขพัฒนาให้ดีขึ้น การวางแผนและการจัดระบบดำเนินการ เริ่มตั้งแต่การตั้งเป้าหมาย การเห็นภาพรวม จัดลำดับความสำคัญ จัดระบบโครงสร้าง จนถึงการแตกเป้าหมาย ให้เป็นขั้นตอน รวมถึงรู้ตัวว่า กำลังทำอะไร ได้ผลอย่างไร 

กลุ่มทักษะปฏิบัติ

7. Initiating = ความสามารถในการริเริ่มและลงมือทำ กล้าคิดกล้าทำ ไม่ผัดวันประกันพรุ่ง

8. Planning and Organizing = การวางแผนและดำเนินการตั้งแต่ตั้งเป้าหมาย เห็นภาพรวม จัดลำดับความสำคัญ จัดระบบ จนถึงการดำเนินการ และประเมินผล

9. Goal- Directed Persistence = ความพากเพียรให้บรรลุเป้าหมายมุ่งมั่น ฝ่าฟันอุปสรรคและล้มแล้วลุกได้ เมื่อตั้งใจและลงมือทำแล้ว มีความมุ่งมั่นบากบั่นไม่ว่าจะมีอุปสรรคใดๆ ก็พร้อมฝ่าฟันจนถึงความสำเร็จ

        ทักษะเหล่านี้ต้องได้รับการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอในชีวิตประจำวัน ทั้งที่บ้านและที่โรงเรียน เพื่อให้เกิดการ “ฝังชิป” เป็นโครงสร้างในสมองของเด็ก โดยเฉพาะในวัย 3-6 ปี ซึ่งเมื่อฝังตัวแล้วก็จะคงอยู่เป็นนิสัยหรือคุณสมบัติของบุคคลไปตลอดชีวิต

กล่าวได้ว่าเด็กที่มี EF ดี จะมีความพร้อมทางการเรียนมากกว่าเด็กที่ EF ไม่ดี และประสบความสำเร็จได้ในการเรียนทุกระดับ ตั้งแต่อนุบาล ประถม มัธยม ไปถึงมหาวิทยาลัย จนกระทั่ง ในการทำงาน เด็กที่หยุดได้ ไตร่ตรองเป็น ไม่หุนหันพลันแล่น มีเป้าหมาย และทำตามเป้าหมายให้สำเร็จ นี่แหละจะทำให้เขาประสบความสำเร็จเมื่อโตขึ้น

   2. วิธีการดำเนินการให้บรรลุผล

          “การจัดประสบการณ์การเรียนรู้รูปแบบ A2C โดยใช้สถานการณ์เป็นฐานประกอบสื่อที่หลากหลายเพื่อส่งเสริมทักษะทางสมอง Executive Function (EF) ระดับชั้นอนุบาลปีที่ 1 โรงเรียนอนุบาลปราจีนบุรี”เป็นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวทาง active learning เน้นให้นักเรียนเรียนรู้โดยการปฏิบัติจริงจากสถานการณ์ที่กำหนดขึ้นในแต่ละหน่วยการเรียนรู้ประกอบกับการใช้สื่อที่หลากหลาย เน้นสื่อหาง่าย ใกล้ตัวโดยการมีส่วนร่วมชองผู้ปกครองที่บ้านเพื่อให้นักเรียนเกิดทักษะทางสมองอันส่งผลต่อพัฒนาการทั้ง 4 ด้านของเด็กปฐมวัย

   3. ผลลัพธ์การพัฒนาที่คาดหวัง

          3.1 เชิงปริมาณ

- นักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 1ร้อยละ 100 ได้รับการส่งเสริมทักษะทางสมอง

  Executive Function (EF)

          3.2 เชิงคุณภาพ

- นักเรียนชั้นอนุบาลปีที่1 มีพัฒนาการด้านร่างกาย, ด้านอารมณ์- จิตใจ, ด้านสังคม 

ด้านสติปัญญา  อยู่ในระดับดี

- มีชุดการสอนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้รูปแบบ A2C โดยใช้สถานการณ์เป็นฐานประกอบสื่อที่หลากหลายเพื่อส่งเสริมทักษะทางสมอง Executive Function (EF) ระดับชั้นอนุบาลปีที่ 1 โรงเรียนอนุบาลปราจีนบุรี” ซึ่งเป็นชุดกิจกรรมที่สามารถใช้สอนได้ทั้งแบบ Onsite และ Online




 เครดิต : คุณครูบังอร   ด่านกำจัด


เป็นไฟล์ Word   แก้ไขได้   
 

สรุปรายละเอียดเป็นรูปภาพ ได้ดังนี้ ครับ











 



 เครดิต : คุณครูบังอร   ด่านกำจัด


เป็นไฟล์ Word   แก้ไขได้   
 

ดาวน์โหลดไฟล์จากลิงค์ด้านล่างนี้ นะครับ

 

https://docs.google.com/document/d/1A13YhM4o4g1Grm8q9at4c1XVk1Czkt7U/edit?usp=sharing&ouid=106872878421040230671&rtpof=true&sd=true 


ใหม่กว่า เก่ากว่า